
หลังจากที่คนไทยทั้งประเทศจับตาดูการจัดตั้งรัฐบาลอย่างใกล้ชิด เพื่อรอลุ้นว่ามันจะออกมาในทิศทางไหน ในขณะที่ทางพรรคใหญ่อย่าง “ประชาธิปัตย์” กับ “ภูมิใจไทย” ยังไม่แสดงท่าทีว่าจะเข้าร่วมกับพลังประชารัฐในการสนับสนุนการแต่งตั้งรัฐมนตรีคนใหม่ กระทั่งล่าสุดได้มีการแถลงจาก 11 พรรคเล็กที่ลุกขึ้นยืนสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมถึงสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐอย่างเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเสียงจากอีกสองพรรคใหญ่อีกต่อไป แล้วอะไรถึงทำให้มันเป็นเช่นนี้
เราลองมาดูเสียงแต่ละฝ่ายกันก่อนดีกว่า ทางด้านของ “เพื่อไทย” ที่มีเสียงของ 7 พรรคใหญ่ เท่ากับว่าพวกเขามีเสียงได้มากสุดประมาณ 245 เสียง ในขณะที่ฝ่ายพลังประชารัฐมีคะแนนเสียงเกิน 126 คน อะไรที่ทำให้คะแนนเสียงน้อยกว่าเปรียบได้เสมือนชัยชนะของพลังประชารัฐ นั้นก็เพราะว่าในการเลือกตั้งนั้นจำเป็นต้องใช้เสียงทั้งหมด 376 เสียงขึ้นไป เมื่ออีกฝ่ายมี 126 อีกด้านหนึ่งก็จะไม่มีทางครบ 376 เสียงเช่นกัน หมายความว่าจะไม่มีการตั้งรัฐบาลขึ้น เมื่อเราลองพิจาณาดูให้ดีหากไม่มีการตั้งรัฐบาล สิ่งที่ยังคงยืนหยัดอยู่เช่นเดิมก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยืนถืออำนาจ ม.44 อยู่ในมือ
ผลการลงคะแนนของสมาชิกวุฒิสภาพเป็นตัวชี้ขาด
ปัจจุบันนี้คะแนนเสียงพลังประชารัฐอยู่ที่ 135 เสียง ในขณะที่ทางด้าน ส.ว. มีทั้งหมด 250 คน ถ้าเรารวมคะแนนทั้งสองเข้าด้วยกันการตั้งรัฐบาลใหม่ก็จะสำเร็จ จึงมีคำถามที่ว่า ส.ว. ทั้ง 250 คน ล้วนเป็นคนที่มาจากการเลือกกันเอง ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่สนับสนุน คสช. และมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้ามาเป็น ส.ว. ชุดนี้ นอกเสียจากว่าทาง คสช. ปล่อยพลาดให้เขามาเอง สำหรับคนที่ใจร้อนอยากให้เรื่องมันจบๆ ก็ต้องบอกว่ามันต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งขั้นตอนพิธีก็มีดังต่อไปนี้
วันที่ 9 พฤษภาคม ทูลเกล้าฯทว่ายรายชื่อสมาชิกวุฒิสภา 250 คน
วันที่ 21 พฤษภาคม เปิดประชุมสภา
วันที่ 23 พฤษภาคม เลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร
วันที่ 27 พฤษภาคม โหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
วันที่ 7 มิถุนายน ทูลเกล้าฯทวายชื่อ คณะรัฐมนตรี
วันที่ 18 มิถุนายน แกลงนโยบายต่อรัฐสภา
วันที่ 23 มิถุนายน นายกรัฐมนตรี ร่วมกับคณะรับมนตรีประชุมอาเซียนซัมมิต
สิ่งที่น่าจำตามองก็คือตำแหน่งประธานสภาฯ เพราะเป็นคนที่กำหนดเวลาในการเลือกนายก คาดการณ์เอาไว้ว่า “สุชาติ ตันเจริญ” ที่สังกัดพลังประชารัฐจะได้ตำแหน่งประธานสภาไป หากมันเกิดขึ้นจริงไม่นานก็จะมีการเลือกนายกจนในที่สุดก็สามารถตั้งรัฐบาลกันได้ ซึ่งผลจะเป็นยังไงเราก็ต้องตามลุ้นกันต่ออย่างใกล้ชิด